หลายๆ คนคงมีคำถามว่าระหว่าง NAS Storage และ SAN Storage จะเลือกใช้อะไรดี วันนี้ทีมงาน Storage Whale จะมาอธิบายง่ายๆ ให้ทุกท่านได้เห็นภาพ
1. NAS STORAGE

โดยในภาพรวมแล้ว NAS Storage มีประมาณ 3 เกรด ดังนี้
- SOHO NAS Storage เหมาะสำหรับใช้แชร์ไฟล์งานกันภายในบ้านหรือองค์กรเล็กๆ ขนาด 5 – 10 คน
- SME NAS Storage เหมาะสำหรับใช้แชร์ไฟล์งานกันภายในองค์กรขนาด 20 – 50 คน
- Enterprise NAS Storage เหมาะสำหรับใช้แชร์ไฟล์กันภายในองค์กรขนาดใหญ่หลักหลายร้อยหรือหลายพันคน และใช้สำหรับเก็บข้อมูลให้กับเครื่อง Server เพื่อทำ Virtualization หรือ Cloud
2. SAN STORAGE

โดยในภาพรวมแล้ว SAN Storage มีประมาณ 2 เกรด ดังนี้
- SME SAN Storage สำหรับฐานข้อมูลขนาดเล็กถึงปานกลาง และสำหรับระบบ Virtualization ขนาดเล็ก
- Enterprise SAN Storage สำหรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และระบบ Virtualization ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หรือ Cloud
จะเห็นได้ว่าแนวทางการใช้งานของ NAS Storage และ SAN Storage นั้นแตกต่างกันอยู่พอสมควรเลยทีเดียว
3. จุดแตกต่างที่ชัดเจน
หลังจากที่เข้าใจพื้นฐานของ SAN และ NAS แล้ว เรามาดูกันว่า SAN กับ NAS มีข้อแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
- NAS จะทำให้เครื่อง PC หรือ Server มองเห็น Folder เพิ่มโดยไม่ต้องกทำการ Format โดยหลายๆ เครื่องสามารถมองเห็น Folder เดียวกันได้ แต่ SAN จะทำให้ PC หรือ Server มองเห็น Hard Drive เพิ่มขึ้นมา และเลือกทำการ Format ได้อย่างอิสระ
- NAS เน้นใช้สำหรับการแชร์ไฟล์หรือโฟลเดอร์เดียวกันระหว่างผู้ใช้งานหลายๆ คน แต่ SAN เป็นแบบต่างคนต่างใช้งานไฟล์ของตนเอง ในเครื่อง Storage ที่มีประสิทธิภาพสูงเครื่องเดียวกัน (แต่ SAN ก็จะมี Software เสริมเพื่อให้ผู้ใช้งานหลายๆ คนมองเห็นข้อมูลเดียวกันพร้อมๆ กันได้)
- NAS เหมาะกับงานที่ผู้ใช้งานหรือซอฟต์แวร์ทำการอ่านหรือเขียนเป็นระดับไฟล์ แต่ SAN เหมาะกับงานที่ทำการอ่านหรือเขียนเพียงแค่บางส่วนของ File หรือระดับ Block
- ในราคาเท่ากัน NAS ทำงานได้ช้ากว่า SAN ดังนั้นจึงมักจะเห็น Database และ Virtualization ใช้ SAN กันบ่อยกว่า
- NAS จะมีฟังก์ชันการใช้งานและลูกเล่นที่หลากหลายกว่า ในขณะที่ SAN จะเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานของข้อมูลเป็นหลัก
- NAS มีระดับ SOHO สำหรับให้เริ่มใช้งานในระดับเล็ก ส่วน SAN เริ่มต้นที่ระดับ SME ทันที
- ในงานตัดต่อวิดีโอ SAN จะถูกใช้ใน Production ตัดต่อเป็นหลัก ในขณะที่ NAS จะถูกใช้ในส่วนของการสำรองข้อมูล และแชร์ไฟล์เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการทำงาน
- ในระบบสำรองข้อมูลหรือ Backup ต่างๆ SAN จะใช้ถูกใช้กับระบบที่ต้องการสำรองข้อมูลปริมาณมากที่ต้องการความรวดเร็วในการสำรองข้อมูลและกู้คืน ในขณะที่ NAS จะถูกใช้ในการสำรองข้อมูลปริมาณไม่มากนัก และใช้ร่วมกันระหว่าง Server หรือ PC หลายๆ เครื่อง
- ในการทำ Disaster Recovery นั้น SAN เป็นที่นิยมมากกว่า เพราะเมื่อนำระบบสำรองมาขึ้น Production นั้น จะได้ประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากับระบบจริงทันที
- สรุปอย่างง่ายๆ ในกรณีส่วนใหญ่ งานที่ต้องการความสะดวกสบายและใช้ร่วมกันหลายคน ใช้ NAS ส่วนงานที่ต้องการประสิทธิภาพ ให้ใช้ SAN แทน