SAN Storage เองก็มีหลายเกรดหลายระดับให้เลือกใช้ โดยในภาพรวมๆ แล้ว SAN Storage จะแบ่งระดับดังนี้
1.1 SAN Storage ระดับเริ่มต้น (Entry Level)
เป็น SAN Storage ที่มีผู้ใช้งานนิยมกันมากที่สุดในประเทศไทย และมีคนขายเยอะที่สุดในไทย เพราะราคาพอซื้อหาจับต้องได้นั่นเอง โดย SAN Storage ระดับเริ่มต้นนี้นอกจากจะราคาถูกแล้ว ก็ยังมีข้อดีเรื่องการใช้งานที่ค่อนข้างง่าย เพราะไม่มีความสามารถหรือการปรับแต่งค่าอะไรซับซ้อน แต่ก็เป็นข้อเสียด้วยเช่นกันว่านอกจากเอามาทำ RAID กับใส่ Disk ได้เยอะแล้วก็ไม่มีความสามารถอะไรอีกมากนัก รวมถึงไม่สามารถเพิ่มขยาย Performance ได้อีกด้วยในกรณีที่ Storage ไม่สามารถทำงานได้ทัน
โดยทั่วไปแล้ว SAN Storage ระดับเริ่มต้นนี้จะใส่ Hard Drive ขนาด 3.5 นิ้วได้เริ่มต้นที่ 12 ลูก และเพิ่มขยายได้ แต่จะมีจำนวน Port ในการเชื่อมต่อเช่น Fibre Channel หรือ iSCSI เพียง 2-4 ช่อง และมี Cache เริ่มต้นมาให้เพียง 1-2GB เพียงแค่ให้พอใช้งานได้ ในขณะที่ผู้ผลิตบางรายก็ตัดสินใจที่จะไม่ผลิต SAN ระดับเริ่มต้นนี้ แต่ไปผลิต SAN ระดับกลางซึ่งจะมีสามารถเพิ่มขยาย Cache ได้มากกว่านี้ และมีจำนวน Port มากกว่านี้ เพื่อให้รองรับงานประสิทธิภาพสูงได้นั่นเอง
ดังนั้นสำหรับระบบงานทั่วๆ ไปที่ต้องการประสิทธิภาพระดับหนึ่ง ต้องการพื้นที่เยอะ ในราคาที่ประหยัด อย่างเช่นระบบ CCTV, ระบบสำรองข้อมูล, ระบบ Web Site นอกจากจะพิจารณา SAN Storage ระดับเริ่มต้นแล้ว ยังสามารถพิจารณา Storage Server ที่มีข้อดีเรื่องความง่ายและการเพิ่มประสิทธิภาพได้ในอนาคตเป็นทางเลือก
แต่สำหรับผู้ที่ต้องการระบบงานที่ต้องการประสิทธิภาพ เช่น ระบบตัดต่อวิดีโอ หรือ Virtualization สำหรับองค์กร ก็ควรจะหันไปพิจารณา SAN Storage ระดับกลางเป็นต้นไปแทน
1.2 SAN Storage ระดับกลาง
เป็น SAN Storage ที่เป็นที่นิยมในการใช้งานระดับ Enterprise และงานตัดต่อวิดีโอที่ต้องการประสิทธิภาพมาก เนื่องจากการออกแบบ Hardware SAN Storage ให้รองรับการใช้งานร่วมกับ PC หรือ Server ได้พร้อมกันทีละหลายๆ เครื่อง, การทำ RAID ระดับสูงเช่น RAID 6 ได้โดยประสิทธิภาพไม่ลดลงไปจาก RAID 5 นัก, สามารถทำ RAID ได้หลากหลาย เช่น RAID 0, 1, 3, 5, 6, 10, 30, 50 และ 60, การออกแบบ Hardware ให้มีความทนทานสูงขึ้น, การเพิ่มความสามารถของ Software ให้สามารถทำการสำรองข้อมูลภายในและภายนอกได้ รวมถึงใช้งานร่วมกับ Hard Drive ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SAS, SATA หรือ SSD เพื่อให้ระบบสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายรูปแบบได้ อีกทั้งยังสามารถเพิ่ม Cache ได้ตั้งแต่ 4GB – 8GB อีกด้วย
ดังนั้นงานที่ต้องการประสิทธิภาพส่วนใหญ่ในไทย ที่ไม่ใช่งานระดับ High Performance Computing หรือ Render Farm ก็สามารถใช้งาน SAN Storage ระดับกลางนี้ได้อย่างเพียงพอ
1.3 SAN Storage ขนาดใหญ่
SAN Storage ขนาดใหญ่นี้ส่วนมากจะเห็นการใช้งานกับเฉพาะระดับ Enterprise และการทำระบบ Cloud เท่านั้น เนื่องจาก SAN Storage ขนาดใหญ่นี้จะรองรับการใช้งาน Hard Drive จำนวนมาก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบได้ภายในอุปกรณ์ชุดเดียว ทำให้มีทั้งพื้นที่และประสิทธิภาพที่เพียงพอต่อระบบงานของ Enterprise หรือ Cloud รวมทั้ง SAN Storage กลุ่มนี้ยังมีความสามารถในการปกป้องข้อมูลในระดับสูง เช่น สามารถทำ Hot-spare Drive ได้, สามารถทำ Snapshot ได้เป็นปริมาณมาก, ทำ Disaster Recovery ระหว่างสาขาได้, สนับสนุนการทำ VAAI ร่วมกับ Virtualization เพื่อให้ SAN Storage ทำหน้าที่ประมวลผลเกี่ยวกับข้อมูลแทน Server ได้ รวมถึงสนับสนุน Port หลายๆ แบบร่วมกันในระบบบเดียว เพื่อให้สามารถใช้งานได้หลากหลายอีกด้วย
1.4 SAN Storage ขนาดใหญ่มาก
SAN Storage ขนาดใหญ่มากนี้ส่วนมากจะเห็นการใช้งานกับ Application เฉพาะทางที่จำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลจำนวนมากจริงๆ เช่น งานสำรองข้อมูลระดับหลายพันหรือหลายหมื่นผู้ใช้งาน, ระบบ Private Cloud สำหรับองค์กรขนาดใหญ่, ระบบ CCTV ที่มีกล้องจำนวนมหาศาล รวมถึงระบบ High Performance Computing โดยความสามารถของ SAN Storage ขนาดใหญ่มากนี้ จะไม่ต่างจาก SAN Storage ขนาดใหญ่นัก แต่จะสามารถใส่ Hard Drive ได้เกินกว่า 1,000 ลูกภายในระบบเดียว เพื่อให้เพิ่มขยายพื้นที่ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่นระดับ 4PB (4,000TB) ถึง 20PB (20,000TB) และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพไปได้เรื่อยๆ แบบ Linear จากการเพิ่ม Hard Drive เหล่านี้ รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลปริมาณมากระดับนี้จากศูนย์กลางเสมือนเป็นระบบเดียวกัน เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วนั่นเอง
SAN Storage แต่ละรุ่นแต่ละผู้ผลิตก็จะแตกต่างกันไปตามความสามารถ บางรายก็อาจจะมีความสามารถบางอย่างและขาดความสามารถบางอย่างไป โดยแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการเลือกเอารุ่น SAN Storage ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อความต้องการ ในหลายๆ ครั้งก็จะทำให้ได้ SAN Storage ที่มีประสิทธิภาพสูงมาด้วย แทนที่จะไปเลือกเอารุ่นที่มีความสามารถที่ไม่ได้ใช้มา แถมยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่า โดยภาพรวมแล้ว SAN Storage จะมีความสามารถดังนี้
2.1 เชื่อมต่อกับ Server และ PC ด้วย Port แบบต่างๆ
SAN บางรุ่นอาจจะเชื่อมต่อกับ Server และ PC ด้วย Port ได้เพียงแบบเดียว บางรุ่นอาจจะมี Port หลายแบบมาให้ในตัว โดยมีตัวเลือกดังต่อไปนี้
2.2 สามารถทำ RAID ได้
SAN Storage จะสามารถทำ RAID ได้หลากหลายกว่า Server ทั่วๆ ไป แต่บางกรณีเช่น Storage Server เองก็สามารถทำ RAID ได้เทียบเท่ากับ SAN Storage เลยเช่นกัน โดย RAID ที่ทำได้เช่น RAID 0, 1, 3, 5, 6, 10, 30, 50 ,60 รวมถึง Hot-Spare Drive ที่จะนำ Drive ที่เตรียมเอาไว้เข้าไปช่วยทดแทนกรณีมี Hard Drive ใน RAID เสียหายหรือหยุดทำงาน
2.3 มีความสามารถสำรองข้อมูลในตัว
SAN Storage ส่วนใหญ่จะสามารถสำรองข้อมูลภายในได้ดังต่อไปนี้
ดังนั้นการสำรองข้อมูลด้วย SAN Storage นี้ ถ้าต้องการทำให้สมบูรณ์ก็ควรจะทำการสำรองข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ ที่หลากหลายนี้ร่วมกันไป เพื่อรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ให้ได้มากที่สุด
2.4 มีความสามารถสำรองข้อมูลข้ามสาขา
SAN Storage บางรุ่นจะสามารถทำการสำรองข้อมูลข้ามสาขาไปยัง SAN Storage รุ่นเดียวกันที่วางไว้ต่างสาขาได้ โดยจะต้องทำการประเมิน Bandwidth ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ดี เพื่อให้การสำรองข้อมูลนี้เป็นไปได้อย่างราบรื่น
2.5 ทำหน้าที่เป็น NAS Storage ได้ในตัว
SAN Storage บางรุ่นจะเป็น Unified NAS Storage ในตัว คือสามารถทำหน้าที่เป็นได้ทั้ง SAN Storage และ NAS Storage ภายในอุปกรณ์เดียว เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน
2.6 ทำงานร่วมกับ Virtualization ได้
SAN Storage บางรุ่นจะสามารถทำหน้าที่แบ่งเบาภาระจาก Virtualization ได้ โดยการทำการประมวลผลเกี่ยวกับข้อมูลแทน Server เช่น การ Copy ข้อมูล, การ Snapshot ข้อมูล เป็นต้น
การรับประกันและการดูแลรักษาถือเป็นอีกประเด็นที่ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจเช่นกัน
3.1 การเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนอุปกรณ์
SAN Storage จากบางผู้ผลิตจะบังคับให้ต้องซื้อทุกอย่างจากผู้ผลิตโดยตรงเท่านั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายตอนเริ่มต้นอาจจะไม่แพง แต่เมื่อใช้ๆ ไป หรือมีการเพิ่ม Hard Drive เข้าไปในระบบแล้ว ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ในขณะที่ผู้ผลิตบางรายจะมีนโยบายที่เป็นธรรมกว่านั้น คือระบุมาว่าทำการทดสอบการทำงานร่วมกับ Hard Drive ยี่ห้อใดรุ่นไหนมาบ้างแล้ว ทำให้ผู้ซื้อมาสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ Hard Drive รวมมากับ SAN Storage เลย หรือจะไปซื้อหาเอาเองก็ได้เช่นกัน
3.2 การติดตั้งและสอนการใช้งาน
SAN Storage จากผู้ผลิตบางรายจะไม่ได้มีบริการในการติดตั้งและสอนการใช้งานมาด้วย ต้องซื้อเพิ่มเอง ในขณะที่ผู้ผลิตบางรายจะมีการให้คำปรึกษา, ติดตั้งให้ และสอนวิธีการใช้งาน การดูแลรักษามาอย่างครบถ้วน ทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจในสินค้าที่ตัวเองซื้อมาเป็นอย่างดี
3.3 การดูแลรักษาจากผู้ผลิต
SAN Storage จากผู้ผลิตบางรายไม่มีการรับประกัน ดังนั้นอย่างน้อยการเลือกซื้อ SAN Storage ก็ควรจะเลือกซื้อกับเจ้าที่มีตัวแทนจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อความอุ่นใจในอนาคตนั่นเอง
โดยทั่วๆ ไป การประเมินก่อนซื้อ SAN Storage มีดังนี้