การออกแบบระบบจัดเก็บข้อมูลถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับการบริหารจัดการข้อมูลสารสนเทศภายในองค์กร และเพื่อให้ข้อมูลที่จัดเก็บนั้นมีประสิทธิภาพและความทนทานในระดับที่ต้องการ การนำเทคโนโลยี RAID ไปใช้จึงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่ง มาดูกันว่าปัจจุบันนี้เรามี RAID อะไรให้เลือกใช้กันบ้าง
RAID 0
RAID 0 คือการนำ Hard Drive ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกับแบบ Stripe โดยกระจายข้อมูลไปยัง Drive ทั้งหมดที่มี เพื่อให้ความเร็วในการเขียนและอ่านเพิ่มขึ้นตามจำนวน Hard Drive ที่ใช้งาน
RAID 1
RAID 1 คือการนำ Hard Drive จำนวนเป็นเลขคู่ ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Mirror โดยทำการสำรองข้อมูลในอัตราส่วน 1:1 เพื่อให้เกิดความทนทานระดับสูงยิ่งขึ้น
RAID 10
RAID 10 คือการนำ Hard Drive จำนวนเป็นเลขคู่ ตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันทั้งแบบ Stripe และ Mirror โดยทำการสำรองข้อมูลในอัตราส่วน 1:1 เพื่อให้เกิดความทนทานระดับสูงยิ่งขึ้น
RAID 5
RAID 5 คือการนำ Hard Drive จำนวนตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Stripe โดยทำการสำรองข้อมูลด้วย Parity Bit ในอัตราส่วน N:1 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ใกล้เคียงกับ RAID 0 โดยมีความทนทานสูงกว่า
RAID 6
RAID 6 คือการนำ Hard Drive จำนวนตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป มาทำงานร่วมกันแบบ Stripe โดยทำการสำรองข้อมูลด้วย Parity Bit ในอัตราส่วน N:2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ใกล้เคียงกับ RAID 5 โดยมีความทนทานสูงกว่า
นอกจากนี้ยังมี RAID 3 และ RAID 4 ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมในตลาด และมี RAID 50, 60 สำหรับระบบ SAN Storage และ NAS Storage ขนาดใหญ่ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความทนทานอีกด้วย
สำหรับการนำเทคโนโลยี RAID ไปใช้งานนั้น ทางทีมงาน Storage Whale ขอแนะนำเบื้องต้นดังนี้
ดังนั้นโดยรวมๆ แล้ว ถ้าหากต้องการให้ระบบมีความทนทานสูง ทางทีมงาน Storage Whale ก็ขอแนะนำ RAID1, RAID10 และ RAID6 แต่ถ้าหากต้องการความเร็วก็ขอแนะนำ RAID10, RAID5 และ RAID6 โดยสำหรับ RAID5 ที่เป็นที่นิยมอย่างมากในเมืองไทย ถ้าหากต้องนำไปเก็บข้อมูลที่สำคัญมากๆ ทางทีมงานก็ขอแนะนำให้ใช้ RAID6 แทนจะดีกว่า เพราะถึงแม้ RAID6 จะใช้ Hard Drive มากกว่า RAID5 ถึง 1 ลูก แต่เมื่อแลกมากับความปลอดภัยของข้อมูลแล้ว RAID6 ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีมากในการเก็บรักษาข้อมูลที่สำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานในประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนและไฟดับบ่อย อันอาจเป็นต้นเหตุให้ข้อมูลเสียหายพร้อมๆ กันได้ใน Hard Disk หลายๆ ลูก